Whyworldhot.com Header Image

วิกฤตพลังงาน-โลกร้อน-คุ้มทุน-ปลอดภัย : เหตุผลที่ไทยต้องสร้าง “โรงไฟฟ้านิวเคลียร์” ?

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์
กระแสการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพื่อแก้วิกฤติพลังงาน กำลังเป็นเรื่องที่มีคนพูดถึงกันหนาหูมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จนเมื่อเร็วๆ นี้ 2 ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ตลอดจนกระทรวงพลังงาน ซึ่งมาร่วมรายการ ?รู้ทัน…ประเทศไทย? ของ ?เอเอสทีวี? ก็ออกมาย้ำชัดเจนว่าเป็นเรื่องที่มีความจำเป็น และมั่นใจได้ว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะเป็นทางออกของวิกฤติพลังงานได้แบบอุ่นใจอย่างแน่นอน

ดร.กอปร กฤตยากีรณ ที่ปรึกษา รมว.วิทยาศาสตร์แล้เทคโนโลยี และประธานคณะกรรมการศึกษาความเหมาะสมเพื่อเตรียมความพร้อมการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศไทย กล่าวถึงภาพลักษณ์ในเชิงอาวุธทำลายร้ายสูงของนิวเคลียร์ซึ่งยังติดอยู่ในใจของคนไทยว่า แม้การทำระเบิดปรมาณู และการผลิตกระแสไฟฟ้าต่างใช้ธาตุกัมมันตภาพรังสีคือ ?ยูเรเนียม? เป็นเชื้อเพลิงเช่นเดียวกันจริง ทว่าความจริงแล้วกลับมีความเข้มข้นของสารต่างกันมาก

?การใช้ในเชิงพลังงานไม่ได้นำธาตุยูเรเนียมมาวางใกล้ๆ กันมาก จนทำให้เกิดการระเบิดได้ แต่เพื่อให้เกิดการแตกตัวของอนุภาคยูเรเนียม และคายความร้อนออกมาต้มน้ำให้เดือดและได้ไอน้ำไปปั่นกระแสไฟฟ้าตามหลักการของโรงไฟฟ้าทั่วๆ ไปเท่านั้น? ที่ปรึกษา รมว.วิทยาศาสตร์ฯ กล่าว

ดร.กอปร อ้างสถิติด้วยว่า ในต่างประเทศมีการใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้ามากว่า 50 ปีแล้ว ซึ่งเทคโนโลยีมีวิวัฒนาการและระบบความปลอดภัยที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนเรียกว่ามีความปลอดภัยมากที่สุดก็ว่าได้ โดยพบอุบัติเหตุในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ครั้งร้ายแรงจริงๆ เพียง 2 ครั้งเท่านั้นคือ ที่เชอร์โนบิลของสหภาพโซเวียต และเกาะทรีไมล์ไอส์แลนด์ของสหรัฐอเมริกา อันทำให้เกิดผู้เสียชีวิตเพียงหลักร้อยคนเท่านั้น

ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ต่างก็มีความเสี่ยงด้วยกันทั้งสิ้นแล้ว อาทิ เครื่องบิน และรถยนต์ จะพบได้ว่าต่างมีโอกาสทำให้เกิดอุบัติเหตุมากกว่าโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มาก

?เทคโนโลยีใหม่ๆ ตอนนี้มีการพูดกันแล้วว่า หากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น แค่เพียงวิศวกรโยกสวิตซ์แค่ตัวเดียวก็เดินออกมาจากโรงงานได้เลย เพราะมันจะปิดเครื่องโดยอัตโนมัติ ไม่มีการหลอมละลายหรือการระเบิดตามมา? ดร.กอปร กล่าว และก็ยอมรับว่ามีขอบเขตของผลกระทบจะครอบคุลมพื้นที่เป็นบริเวณกว้างหากเกิดการรั่วไหลจริง

?หากมีการรั่วไหลขึ้นมาย่อมส่งผลถึงกันทั่วโลกไม่จำกัดแค่ที่ใดที่หนึ่ง พูดกันจริงๆ แล้วทุกประเทศถือเป็นหลังบ้านของกันและกันหมดในแง่ของพลังงานนิวเคลียร์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นเหตุผลสนับสนุนให้ใช้? ดร.กอปร กล่าวซึ่งตีความได้ว่า ถึงแม้จะไม่เกิดการแพร่กระจายของกัมมันตภาพรังสีที่มีสาเหตุในประเทศไทยๆ ก็ไม่อาจหนีพ้นผลกระทบจากการรั่วไหลในที่อื่นๆ ได้เช่นกัน

สำหรับฝ่ายทำงานการเตรียมความพร้อมการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซึ่งมี ดร.กอปร เป็นประธานคณะกรรมการนั้น ประกอบด้วยชุดทำงาน 6 ขณะคือ ด้านกฎหมาย ด้านโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและพาณิชย์ ด้านการถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยีและทรัพยากรมนุษย์ ด้านการคุ้มครองความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม ด้านการสื่อสารและการยอมรับของสาธารณะ และสุดท้ายคือ ด้านการเตรียมการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยแบ่งช่วงเวลาเป็น 7 ปีแรกจะเป็นการเตรียมความพร้อม และ 6 ปีหลังเริ่มการก่อสร้าง

?เรื่องของเทคโนโลยีและกำลังคน ไทยเรายังมีเวลาอีก 10 กว่าปีที่สามารถส่งคนไปศึกษาเตรียมความพร้อม ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ก็จะเข้ามาช่วย ตลอดจนมีหลักสูตรการผลิตคนในมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งในระยะยาวเราจะต้องยืนบนขาตัวเองให้ได้? ดร.กอปร ย้ำ

ส่วนสถานการณ์พลังงานของไทยในปัจจุบัน นายชวลิต พิชาลัย รอง ผอ.สำนักนโยบายและพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน ให้รายละเอียดว่า มีการพึ่งพาเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติมากที่สุดราว 70% รองลงมาคือถ่านหินลิกไนต์จากเหมืองแม่เมาะ จ.ลำปาง 13% พลังงานน้ำเช่นจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ประมาณ 5% น้ำมันเตา 2 -3% ส่วนพลังงานทดแทนอื่นๆ เช่น ชีวมวล ลม ขยะ และพลังงานแสงอาทิตย์มีสัดส่วนเพียง 2%

ขณะเดียวกันประเทศไทยยังต้องนำเข้าพลังงานจากประเทศเพื่อนบ้านด้วย คือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 500 เมกกะวัตต์ โดยเร็วๆ นี้จะมีบันทึกข้อตกลงเพิ่มจาก 3,000 เมกะวัตต์เป็น 5,000 เมกะวัตต์ และกำลังทำบันทึกข้อตกลงซื้อพลังงานไฟฟ้าจากพม่าในระยะแรก 1,500 เมกกะวัตต์

นอกจากนี้ยังจะซื้อพลังงานไฟฟ้าจากมณฑลยูนนานของประเทศจีนอีก 3,000 เมกกะวัตต์ เพื่อสนองตอบความต้องการใช้ไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้น 1,200 -1,500 เมกกะวัตต์ ซึ่งคิดตามอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ประมาณ 4 -5% ขณะที่พลังงานทางเลือกก็จะไม่สามารถขยายได้จนเพียงพอต่อความต้องการได้

ทั้งนี้ ในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (พีดีพี) ได้กำหนดให้มีส่วนแบ่งการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ขึ้น 2,000 เมกกะวัตต์ในปี 2563 และอีก 2,000 เมกกะวัตต์ในปีถัดไป รวมแล้วใน 13 – 14 ปีข้างหน้า ประเทศไทยอาจมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์กำลังการผลิต 1,000 เมกกะวัตต์จำนวน 4 โรงด้วยกัน

?ก๊าซธรรมชาติของไทยเราจะใช้ได้เต็มที่ไม่เกิน 30 ปี จึงมีการกำหนดพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์ไว้ในแผนด้วย พร้อมๆ กับพลังงานทดแทนอื่นๆ แต่แล้วก็ล้วนแต่มีต้นทุนการผลิตสูงเกินไป ยกตัวอย่างเช่นพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีต้นทุนต่อหน่วยถึงประมาณ 15 บาท ขณะที่ไฟบ้านที่ใช้กันทุกวันนี้มีต้นทุน 2 บาท/หน่วย? รอง ผอ.สนพ.กล่าว

นายชวลิต บอกด้วยว่า หากคำนวณโดยรวมค่าก่อสร้างโรงงาน เชื้อเพลิง และการกำจัดกากเชื้อเพลิงแล้ว ไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์จะมีราคาต่ำที่สุดคือ 2.01 บาท/หน่วยเท่านั้น

ขณะที่ตัวเลือกอื่นๆ ในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มของไทย นายชวลิต ชี้ว่า คือการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวจากต่างชาติ หรือการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่ม ซึ่งจะมีเรื่องของค่าใช้จ่ายในการจัดการก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ติดตามมา และยังเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน ซึ่งเวลานี้การผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าถ่านหินมีต้นทุน 2.08 บาท/หน่วย โดยยังไม่รวมค่าการจัดการคาร์บอน

?สิ่งที่ต้องเร่งทำในขณะนี้คือการให้ความรู้แก่ประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนที่อาจต้องพบกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในอีก 13 ปีข้างหน้า โดยการบูรณาการความร่วมมือกันระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กระทรวงพลังงาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทั้งในรูปเอกสารและรายการให้ความรู้ประชาชน? นายชวลิต อธิบาย

อย่างไรก็ตาม ดร.เดชรัต สุขกำเนิด อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้ร่วมรายการอีกรายหนึ่งซึ่งต่อสายสนทนาทางโทรศัพท์ ตั้งข้อสังเกตในมุมกลับบ้างว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์อาจไม่ได้มีความคุ้มทุนและมีความปลอดภัยจริงดังอ้างก็ได้

ข้อสังเกตที่น่าสนใจเช่น โรงไฟฟ้านิวเคลียร์อาจนำมาซึ่งปัญหางบประมาณก่อสร้างบานปลายจากอัตราดอกเบี้ยจำนวนมากดังที่เกิดขึ้นแล้วในต่างประเทศ แต่หากยืนยันทำจริงก็ต้องเปิดกว้างให้ประชาชนได้รับรู้และต้องทำให้ระบุตัวผู้รับผิดชอบได้ด้วย

นอกจากนั้นในช่วงปี 2543 เป็นต้นมาทั่วโลกต่างชะลอการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไปมาก เหลือเพียงประมาณ 5 โรง/ปีเท่านั้น เนื่องจากความเกรงกลัวต่อการเกิดอุบัติเหตุเหมือนในอดีต และการเปิดเสรีด้านพลังงานในยุโรปตะวันตก ซึ่งพลังงานนิวเคลียร์มีต้นทุนสูงไม่สามารถแข่งขันได้ โดยจากปี 2543 เป็นต้นมา ทั่วโลกเกิดอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เฉลี่ยถึงปีละ 1 ครั้งเลยทีเดียว

?นอกจากนั้น เมื่อพูดเรื่องการกำจัดกาก ซึ่งรัฐบาลบอกว่าจะเก็บในเหมืองแร่โปแตสฯ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็ต้องมีการรับฟังเสียงประชาชนในพื้นที่ว่าจะเห็นด้วยไหม ซึ่งแม้แต่นายโมฮัมหมัด เอลบาราเด ผอ.ไอเออีเอ ยังยอมรับว่าพลังงานนิวเคลียร์ไม่ปลอดภัย 100% เพียงแต่มีความคุ้มค่าที่จะเสี่ยงใช้เท่านั้น? ดร.เดชรัต ย้ำ

ด้าน ดร.กอปร ปฏิเสธข้อสังเกตนี้ว่า ไม่คิดว่ารัฐบาลจะเลือกใช้พื้นที่เหมืองแร่โปแตสเซียมเป็นที่เก็บกากเชื้อเพลิงจริง ส่วนเรื่องการกำจัดกากเชื้อเพลิงก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยุ่งยากหรือน่ากังวลอย่างที่คิดกันด้วย

?ญี่ปุ่นเป็นปะเทศที่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มาแล้ว 50 ปี แต่เพิ่งมีโรงเก็บกากเชื้อเพลิงเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ซึ่งกากเชื้อเพลิงที่ใช้แล้วสามารถนำไปเก็บไว้ในบ่อพัก ซึ่งมีน้ำหล่ออยู่ข้างๆ เตาปฏิกรณ์ได้นาน 3 -10 ปีเพื่อให้รังสีอ่อนตัวลง จากนั้นจึงค่อยย้ายเก็บไปไว้ในบ่อพักภายในโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ ไม่ต้องมีบ่อพักที่อื่น ซึ่งเรามีเวลาเก็บได้ถึง 50 ปี? ประธานคณะกรรมการศึกษาความเหมาะสมเพื่อเตรียมความพร้อมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ระบุ

สุดท้ายนี้ ดร.กอปร แจกแจงเพิ่มว่า ขณะนี้ทั่วโลกได้มีใช้งานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แล้วทั้งสิ้น 437 โรงใน 31 ประเทศ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 30 โรง อนุมัติแผนและงบประมาณแล้ว 74 โรง โดยใน 15 ปีข้างหน้าจะมีข้อเสนอก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพิ่มอีกกว่า 200 แห่งทำให้มียอดรวมเป็นอีกเท่าตัวของปัจจุบัน เนื่องจากเหตุผล 3 ประการ คือ ราคาพลังงานปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้น 3 เท่า

ในเวลาเดียวกันยังมีการรณรงค์ลดภาวะเรือนกระจก ซึ่งมีความกังวลกันว่าในอีก 2 ปีข้างหน้า พิธีสารเกียวโตจะหมดอายุ ทำให้ต้องออกกฎใหม่ซึ่งอาจมีความเข้มงวดด้านการจัดการคาร์บอนมากขึ้น ตลอดจนเทคโนโลยีที่ปลอดภัยมากขึ้นอันจะช่วยลดรายจ่ายด้านระบบความปลอดภัยลงได้อีกส่วนหนึ่ง ทำให้ต้นทุนพลังงานนิวเคลียร์ไม่ได้ไม่มีความคุ้มทุนดังที่ ดร.เดชรัต อ้าง

?ข้อมูลของ ดร.เดชรัต อาจจะล่าช้าไปสัก 5 ปี จริงอยู่ที่เคยมีการชะลอตัวลงหลังการเกิดอุบัติเหตุที่ทรีไมล์ไอส์แลนด์ช่วงปี 2523 และเวลานั้นยังมีตัวเลือกด้านพลังงานอื่นๆ อยู่ด้วย แต่ในช่วง 3 -5 ปีมานี้ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เริ่มกลับมานิยมอีกครั้ง เพราะมีต้นทุนเทคโนโลยีถูกลงขณะที่ยังปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้มีข้อมูลอ้างอิงเป็นประเทศๆ ได้เลย? ดร.กอปร กล่าวในที่สุด

Credit : http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9500000100128

10 Responses to “วิกฤตพลังงาน-โลกร้อน-คุ้มทุน-ปลอดภัย : เหตุผลที่ไทยต้องสร้าง “โรงไฟฟ้านิวเคลียร์” ?”

  1. Tuna พูดว่า:

    มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซักทีก็ดีเหมือนกัน

    ที่ญี่ปุ่นเค้าก็มีมาตั้งนานแล้ว

    แล้วค่าไฟที่ญี่ปุ่นก็ถูกด้วย

  2. แฮม พูดว่า:

    ไม่ควรมีโรงงานเกิดขึ้น

  3. ปอย พูดว่า:

    มนุษย์ควรเลิกเห็นแก่ความสะดวกสะบายในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นด้วยการพึ่งพาเทคโนโลยีประเภทใดก็ตาม ควรยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวางของเรา

  4. เกตุ พูดว่า:

    ไม่อยากให้สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศไทยเพราะเมื่อเกิดการรั่วไหลประเทศไทยจะได้รับผลกระทบมากที่สุด

  5. ม่านบาหลี พูดว่า:

    ไม่ควรมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เพราะมันต้องใช้ความระมัดระวังสูงมาก เข้มงวดตรวจขันกันทุกนาที เพื่อไม่ให้เกิดการรั่วไหลของรังสี เผลอไม่ได้จริงๆ ไม่เหมาะกับนิสัยคนไทยที่ค่อนข้างมักง่าย(ขอโทษที่วิจารณ์ตรงๆ แต่ต้องยอมรับว่าเราเป็นงั้นจริง) อยากให้ใช้โซล่าร์เซลล์ หรือพลังงานจากแสงอาทิตย์ หรือพลังลม อย่าอ้างเลยว่าต้องใช้ต้นทุนสูง เพราะถึงสูงอย่างไงมันก็คุ้มค่าในระยะยาว สิ่งแวดล้อม+คน+สัตว์ ก็ปลอดภัยด้วย กล้าลงทุนหน่อยเถิด ค่อยๆทำไปทีละจุด ทีละตำบล ทีละจังหวัดก็ได้ถ้ากลัวว่าจะต้องลงทุนกันนัก ขนาดหมู่บ้านชาวเขา ชาวกระเหรี่ยงแถวๆแม่เมย จ.เชียงราย หรือที่อื่นๆ ยังใช้โซลาร์เซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้ากันทุกบ้าน อายเขาไหมเนียะ

  6. กานต์ พูดว่า:

    ตรายใดที่มนุษย์ยังไม่หมดกิเลส โลกก็ต้องเน่า ในไม่ช้า

  7. กานต์ พูดว่า:

    ขอความกรุณาขอข้อมูลเหล่านี้ไปทำเพื่อการศึกษา และ เผยแพร่ หน่อยนะครับ
    Web master ขอคุณคับ

  8. orion_s_hunter พูดว่า:

    เห็นควรกับการสร้างโรงผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์
    เพราะเป็นการสร้างพลังงานที่ได้พลังงานต่อต้นทุนถูกที่สุดแล้ว
    แต่ปัญหาอย่างเดียวที่กังวลคือทำอย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด
    ความเห็นที่3
    -ที่บ้านคุณใช้เทคโนโลยีหรือเปล่าถ้าคุณไม่ได้ใช้ ผมก็นับถือและคิดว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่มนุษย์จะได้รู้จักพึ่งพาตัวเองเสียที่(แต่คุณก็ยังใช้อินเตอร์เน็ตได้นี่ มันค้านกับอุดมการณ์มั้งครับ)

    ความเห็นที่5
    -ผมว่าก่อนที่จะสรุปอะไรควรหาข้อมูลให้ดีก่อนดีไหมครับ
    ทุกท่านเคยไปดู แสงสยามที่ ม.สุรนารีหรือเปล่าคณาจารย์และดร.ทั้งหลายก็ทำงานกันที่นั่นซึ่งต้องเผชิญกับรังสีตลอดเวลาอยู่แล้วก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย
    ความจริงทุกๆขณะเรากำลังอยู่ท่ามกลางทะเลแห่งรังสีตลอดเวลา แต่ทำไมเราไม่กลัวกัน
    เหตุผลก็เพราะเรารู้ว่ามันไม่ได้ทำอันตรายเรามากมายขนาดต้องกินไม่ได้นอนไม่หลับ
    การสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นี้ก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะช่วยสิ่งแวดล้อมเพราะเป็นพลังงานสะอาดไม่มีการเผาไหม้ไม่มีมลพิษ มีอย่างเดียวคือกากของมันซึ่งไม่อาจปล่อยให้ออกไปสู่ที่สาธารณะได้อยู่แล้ว อย่ากลัวไปเลยถ้าจะทำกันจริงๆก็ต้องหาวิธีทางที่จะแก้ไขได้แน่นอน
    เรื่องการใช้เซลล์แสงอาทิตย์ก็ดีนะครับสะอาดดีแต่แพงมาก ถ้าจะใช้เป็นบางกลุ่มก็พอได้เช่นชาวเขาเพราะเขาอยู่ไกลการเดินสายไฟฟ้าจากรัฐเขาลำบากต้นทุนสูงจำเป็นาทงเลือกที่ดี แต่ก็ผลิตไฟได้แค่ไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน(เพราะต้องใช้แดด) ใช้ได้แค่เปิดไฟกับดูทีวีได้เล็กน้อยเท่านั้น(ผมไปอยู่มาแล้ว)คงไม่เหมาะกับพวกเราที่นั่งน่าจอคอม24ชั่วโมงมั้ง เอาง่ายๆแค่สมมติว่าไฟดับเราจะทำอะไรได้บ้าง ลองดูนะครับตื่นเช้ามาก็ไปสับ cut out ลงแล้วใช้ชีวิตในวันนั้นดูถ้าทำได้แสดงว่าคุณสามารถอยู่แบบพึ่งพาพลังงานน้อยๆได้ แบบนี้แน่นอนว่าถ้าทำได้ทุกคนเราคงไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แน่นอน
    เลือกเอานะครับระหว่างสร้างโรงไฟฟ้านิวคลียร์กับการสร้างเขื่อนเพื่อผลิตไฟฟ้าจากน้ำ ต้องตัดต้นไม้เท่าไรสูญเสียพื้นที่ป่าเพียงใด ใช่สิคุณไม่ได้อยู่ท้ายเขื่อนนี่คุณก็ไม่เดือดร้อนสิ
    พอทีเถอะครับไอ้การหลับหูหลับตาแล้วบอกว่าฉันจะไม่เอาลูกเดียว เพียงเพราะกลัวปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง หันไปหาวิธีอื่นที่คนอื่นเดือดร้อนอย่างนี้หรือครับ อย่ากระนั้นเลยพวกเราอย่าให้เขาต่อว่าได้ว่าเป็น พวกเกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลซดน้ำแกง คิดดูนะครับ
    นี่เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวของผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ใด และไม่จำเป็นต้องถูกต้องด้วยแต่ของเป็นทางเลือกเพื่อการตัดสินใจ เพราะอนาคตของประเทศไทย+โลกเรา อยู่ที่การตัดสินใจของพวกเราทุกๆคนนะครับ
    ถ้าอยากติ-ชมก็ที่ [email protected] ขอบคุณครับ

  9. artkung พูดว่า:

    ทุกประเทศน่าจะมีเพื่อรักษาโลกครับ

  10. ideer101 พูดว่า:

    ผมคิดว่าเราน่าจะมีการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์นะคับ….

    เพราะว่าบ้านเราต้องพึ่งพาพลังงาที่ได้มาจากธรรมชาติ เช่นน้ำมัน ก๊าชธรรมชาิติ ถ่านหิน ซึง่ส่วนใหญ่นำเข้ามาจากต่างประเทศเขา

    ซึ่งแน่นอนว่าซักวันมันก็ต้องหมดไฟแน่ๆ แต่ก่อนที่มันจะหมดเราต้องแบกรับกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นๆๆๆๆๆๆๆๆผมจำได้ว่าผมเคยใช้นำ้มันเบนซินลิตรละ15บาท
    แต่ตอนนี้อ่ะปาเข้าไปเกิบ30และ

    นอกจากจะเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายจากตังในกระเป๋าเาแล้วยังช่วยลดการใช้น้ำมันซึ่งเป็นสาเหตุ
    ที่ทำให้เกิดผลกระทบต่างๆกัยโลกของเรา

    แน่นอนคับทางด้านผลกระทบนั้นมันมีแน่ๆครับแต่ก็น่าจะคุ้มค่ากับสิ่งที่เราได้นะคับ
    นี้ก็เป็นเพียงความคิดส่วนหนึ่งของผมเท่านั้นนะครับพวกคุณก็ลองเอาไปคิดดูนะคับ…….

Leave a Reply